หลายคนกำลังเจอกับปัญหาในการทำงาน บอกว่าเหนื่อยกับการทำงาน เจ้านายไม่เข้าใจ หรือเพื่อนร่วมงานไม่ช่วยทำงานเอาแต่จับผิดเราตลอดเวลา แต่เราก็รักงานที่ทำอยู่ทุกวัน และยังคงมีความสุขกับงานอยู่ ถ้าแค่เบื่อหน่ายกับสิ่งเหล่านี้ก็ต้องหาวิธีมาปรับใช้กับที่ทำงานสักหน่อยให้เรามีความสุขกับที่ทำงาน และเราจะได้มีผลงานออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าคนรอบข้างจะมองเราอย่างไรก็อย่าได้ใส่ใจมากนักเพราะเขาอาจจะมีความคิดที่ไม่เหมือนกับเรา สิ่งที่จะทำให้เราดีและมีคุณภาพนั้นก็คือเรื่องของผลงานเท่านั้นไม่ใช่คำพูดเมื่อเป็นแบบนี้เราควรต้องหาความสุขกับที่ทำงานให้มากที่สุด เพราะเราจะใช้เวลาอยู่ในที่ทำงานถึงวันละ กว่า 8 ชั่วโมง แถมบางคนก็ยังต้องทำงานวันจันทร์ถึงวันเสาร์ด้วย ซึ่งมันก็ต้องสร้างกำลังใจและเปลี่ยนแรงกดดันเป็นแรงผลักดันเข้าไว้ และสิ่งที่จะทำให้เรามีความสุขกับที่ทำงานและเพื่อนร่วมงานก็ลองปฏิบัติตามนี้ดู
5 ข้อที่จะทำให้เรามีความสุขกับที่ทำงานและเพื่อนร่วมงาน
1.แอบฟังเพลงที่ชอบเบาๆ
ทุกสถานที่ทำงานเราก็จะมีพื้นที่ส่วนตัวอยู่บ้างเราอาจจะหาเพลงฟังแบบที่ชอบไม่จำเป็นต้องไปสนใจใครแต่อย่างใด ใส่หูฟังแล้วเปิดเพลงฟังเบาๆ เราไม่ได้อยากอยู่ในโลกส่วนตัวเสียทั้งหมดแต่เราอยากจะมีพื้นที่ส่วนตัวบ้างเท่านั้น ใครจะฟังเพลงไหนแบบไหนก็ตามใจแต่เราเลือกฟังแต่เพลงที่ชอบและสนุกกับมันให้ได้ตลอด ไม่ว่าจะเหนื่อยล้า อ่อนล้าแค่ไหน เพราะเสียงเพลงคือแรงบันดาลใจที่ดีที่สุด ที่ใดไร้เสียงดนตรี ที่นั้นไม่มีความสุข
2.ยิ้มรับแม้จะเจอสิ่งที่ไม่ชอบ
ไม่ใช่ว่าทุกคนจะชอบเราเสมอไป ต้องมีบ้างที่มีคนที่ไม่ชอบเราและเราไม่จำเป็นต้องรู้ว่าคนนั้นชอบเราหรือไม่ชอบเรา อาจจะมีหลายคนเดินเข้ามาบอกต่างๆ นานาและพยายามที่จะเล่าข่าวบอกเรื่องให้เราได้รับทราบ อาจจะเป็นการนินทาว่าร้ายให้กับคนนั้น พยายามทำให้ตนเองดูดีอยู่เสมอ แต่เราก็อย่าได้สนใจเพราะเราก็อาจจะโดนเขาทำแบบนั้นอยู่เช่นกัน ไม่จำเป็นต้องสนใจแต่อย่างใดเลย ยิ้มให้กับทุกคำพูดและที่สำคัญต้องเป็นเพียงแค่ผู้ฟังแต่ไม่ต้องเข้าใจและต้องไม่มีการโต้ตอบกลับไป ให้เขาได้ระบายและยิ้มรับเพียงเท่านี้ก็หลุดจากวงจรอุบาทแล้ว
3.พยายามอย่าเก็บมาคิด
เรื่องความคิดนั้นยากที่จะทำความเข้าใจและยากที่จะทำให้ใจนั้นสงบนิ่งได้ แม้กระทั้งนักบวชที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างยาวนานก็ยังต้องใช้เวลาในการควบคุมความคิดตนเอง และแน่นอนว่าเมื่อมีคนพูดถึงเรา จะดีหรือร้ายก็ต้องไม่พยายามเก็บมาคิด คิดได้แต่เพียงอย่างเดียวว่า งานที่เราทำไปแล้ว ครั้งหน้าเราต้องได้ดีกว่านี้ เราต้องหาจุดด้อยในชิ้นงานให้ได้แล้วทำการพัฒนาให้ดีที่สุดอย่าได้คิดถึงเรื่องผู้อื่น เราอาจจะเก็บคำติชมมาพัฒนาต่อได้แต่อย่าเก็บคำเหล่านั้นมาเป็นเครื่องมือมัดหัวใจ บีบหัวใจว่าเรานั้นไม่มีทางที่จะพัฒนาแบบนั้นอกแตกตายได้สักวัน
4.ตั้งใจสนุกกับงานและตื่นเต้นอยู่เสมอ
เมื่อเราได้รับงานมาใหม่ ได้รับการมอบหมายงานมาใหม่ ต้องรู้สึกว่ามันคือความสนุกตื่นเต้นครั้งใหม่ที่เราจะได้เจอเสมอ อย่างเช่น นักขายเมื่อได้เจอกับลูกค้าคนใหม่ก็ไม่รู้เลยว่าลูกค้ารายนี้จะมาแบบไหนจะมาอย่างไร เราก็ต้องมีการวางแผนและตื่นเต้นที่จะได้เจอกับลูกค้ารายใหม่ ยิ่งเราได้เจอมากเท่าไหร่นั้นก็หมายความว่างานเราจะง่ายขึ้นเรื่อยๆ และสนุกขึ้นเรื่อยๆ ต้องสนุกกับงานทุกชิ้น งานทุกชิ้นไม่ได้มีปัญหาแต่มีสิ่งที่ต้องการค้นคว้าและหาคำตอบจากงานมากกว่า อย่างเด็กทุกคนที่ได้เจอของเล่นใหม่ก็จะสนุกกับการได้เล่น ได้ถอดประกอบและได้ศึกษาว่ามันเป็นอย่างไร ไม่เคยมีเด็กคนไหนที่เห็นของเล่นใหม่แล้วไม่ชอบ งานก็เช่นกัน เราต้องทำตัวเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่ทุกครั้ง
5.ไม่เอาเรื่องของคนอื่นมาพูดต่อความยาว
เราอาจจะเคยได้ยินคนอื่นพูดหรือเล่าเรื่องราวต่างๆของคนนั้นมาให้ฟังอยู่บ่อยๆ อย่างเช่น พี่เอ มาเล่าเรื่องน้องบีให้เราฟัง ส่วนใหญ่แล้วก็มักจะมีแต่เรื่องไม่ดีทั้งนั้น บางครั้งก็จะเล่าว่าติดหนี้เยอะระวังมายืมเงิน หรืออย่าไปยุ่งเขาเป็นคนไม่ดีชอบมาเอาเปรียบงานจากเรา เราก็ฟังความจากพี่เขาได้แต่ไม่ควรนำเรื่องนี้ไปพูดต่อเป็นอันขาดเพราะเราก็จะกลายเป็นแบบที่พี่เอกำลังเป็น เราก็จะตกอยู่ในฐานะคนปากโป้งเรื่องจริงเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ บางคนฟังมาเรื่องหนึ่งแต่ก็มาต่อเรื่องเป็นเรื่องอื่นทำให้เขาผู้นั้นเสียหายไปได้ แล้วสุดท้ายคนพูดก็จะกลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะไม่มีใครอยากจะพูดคุยด้วยอีกต่อไป เราฟังได้แต่ห้ามพูดเด็ดขาด
เมื่อเราเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ ก็พอจะสรุปได้คราวๆ ว่าเราเป็นผู้ฟังนั้นดีที่สุดไม่จำเป็นต้องเล่าเรื่องต่อให้เสียเวลาและเสียคนถ้าเรื่องที่ฟังมาผิดแล้วนำมาคิด นำมาพูด มาเล่าต่อ เราเองต่างหากที่จะไม่มีความสุข ทุกข์รอบตัวรอบด้าน กลายเป็นเราที่ต้องมานั่งเสียใจภายหลังเสียด้วย
